
จากกรณีที่ รัศมีเเข ฟ้าเกื้อล้น ถูก ไฮโซแชมป์ จิรัฏฐ์ ทำร้ายร่างกายในผับโดยใช้แก้วปาใส่หน้าจนเลือดอาบ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา โดยกรณีดังกล่าวได้ขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาเเล้ว
โดยหลังจากนั้นไม่นาน ทาง ไฮโซแชมป์ จิรัฏฐ์ ได้มีการฟ้องกลับทาง “รัศมีเเข และ มดดำ คชาภา” ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยได้มีการนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 แต่ทางด้าน “ไฮโซแชมป์” ได้ขอเลื่อนการไต่ส่วนมูลฟ้องโดยให้เหตุผลเพราะสถานการณ์โควิด-19 และวันนี้ (14/02/65)เป็นการนัดครั้งที่ 2 “ไฮโซแชมป์ จิรัฏฐ์ เพชรนันทวงศ์” ยังคงเลื่อนนัดการไกล่เกลี่ยเจรจรา โดยมีการให้เหตุผลเพราะสถานะการณ์โควิด-19 ตามเดิม
ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” และ “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” พร้อมทนายความ ได้เดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังศาลได้มีการนัดไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีหมายเลขดำ อ.2499/2563 ที่ นาย จิรัฏฐ์ เพชรนันทวงศ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายคชาภา ตันเจริญ กับนายรัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น ในความผิดฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” จากกรณีถูก “ไฮโซแชมป์ จิรัฏฐ์ เพชรนันทวงศ์” ฟ้องกลับในข้อหา “หมิ่นประมาท” ที่ห้องพิจารณาคดี 905
โดยภายหลังจากที่เข้าห้องพิจารณาคดี ทางด้าน รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น พร้อมด้วย ทนายเจน ไพศิษฐ์ ชาครานนท์และทนายชินพรรธน์ เกตุไทยวีรกุล ได้อัพเดตความคืบหน้าคดีต่อสื่อมวลชน ทางด้านทนายเจน กล่าวว่า “ที่เดินทางมาในวันนี้สืบเนื่องจาก วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก แต่ทางโจทก์และทนายความขอเลื่อนคดี และการนัดครั้งต่อไปทางศาลท่านได้กำชับว่าอยากให้ทุกคนเดินทางมา เพื่อที่จะได้เจรจาไกลเกลียกัน มาถึงวันนี้ เราในฐานะที่เป็นทนายก็พา คุณแขและคุณมดดำมา แต่กลับไม่เจอไฮโซแชมป์ เขาก็มีการขอเลื่อนอีกตามเดิม ทางเราจึงได้มีการคัดค้าน ศาลท่านจึงนัดให้ไวขึ้น ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าทางด้านของโจทก์เขากลับมาจากต่างประเทศหรือยัง แต่ที่ทราบคือเรื่องของคดีอาญาที่ตนได้ยื่นฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นที่แขวงพัทยาตอนนี้ กำลังออกหมายจับ แต่คดีทั้ง 2 คดีนี้ต้องแยกกัน
ในส่วนของคดีหมิ่นประมาท ท้ายที่สุดแล้ววันนี้ก็ไม่ได้มีการคุยกัน ซึ่งความเป็นจริงแล้วการเจรจาไกลเกลี่ยสามารถคุยกันได้ในทุกสถานที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศาล เพียงแต่ทางเราไม่ได้รับการติดต่อมาเพื่อพูดคุย หากอีกฝั่งติดต่อมาก็พร้อมพูดคุยอยู่แล้ว”
รัศมีแข กล่าวว่า “ตอนนี้รู้สึกภูมิใจในตัวเอง เมื่อโตขึ้นมา เราได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ และการศึกษาก็ทำให้เราเป็นคนที่รู้จักความถูกต้องและคู่ควรที่จะอยู่ในสังคม และเราได้ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะโดนฟ้องร้องเราก็เดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ซึ่งเราเองก็ภูมิใจถือว่าเราเองก็เป็นคนที่มีคุณภาพในสังคม เพราะสำหรับตนเองแล้วใครก็ตามที่ทำผิด จะต้องมารับผิดชอบของการกระทำ
ถามต่อว่าอยากให้คดีการหมิ่นประมาทจบยังไง เจ้าตัวตอบว่าตนต้องปรึกษาทนายอย่างเดียวเพราะตนเองไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับระบบของกฎหมายในประเทศไทย รู้แค่ระบบกฎหมายของประเทศสวีเดนเท่านั้น ซึ่งวันนี้ตนเองก็ได้คุยกับทางพี่มดดำเช่นกัน เขาก็ไม่ได้ดูเครียด เพราะเราก็คุยในแค่ในส่วนหน้าที่ของเรา เมื่อศาลเรียกเราก็มา วันข้างหน้าจะเป็นยังไงเราก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ในการที่ตนเองนั้นมีเรื่องคดีมาผูกกับชีวิต ตนเองก็เคยกลัว เคยกังวล นอนไม่หลับ ตั้งแต่การโดนทำร้ายร่างกายแล้ว เราก็ถามกับตัวเองซ้ำๆอยู่ตลอดว่าทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่เรื่องนี้ก็ทำให้ตนเองได้รู้ถึงมูลค่าของตัวของตนเองว่า มันไม่สามารถตีมูลค่าเป็นจำนวนเงินได้ และเราต้องมาเสียเวลากับส่วนตรงนี้อีก จึงขอพูดตรงนี้เลยว่าหากยิ่งยื้อเวลามูลค่าของตนเองก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ทนายเจนพูดเสริมว่า ในการเรียกค่าเสียหายเราสามารถเรียกได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางศาล”
ทนายชินพรรธน์ กล่าวต่อว่า ในคดีหมิ่นประมาทนี้ ทางโจทก์ไม่ได้ต้องการเรียกความเสียหายเป็นจำนวนเงิน เป็นการให้ออกมาขอโทษผ่านสื่อ หากเราไม่ยอมก็ต้องมีการสู้คดียื่นหลักฐานกันต่อไป
ส่วนในนัดหน้าก็จำเป็นที่จะต้องให้ทางด้านของโจทก์และจำเลยเดินทางมา เพื่อที่จะได้พูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกัน ทางศาลท่านก็กำชับไปแล้วว่าต้องมา เพราะถ้าหากไม่มาก็จะเป็นการฟ้องไปเลย สุดท้ายก็ต้องอยู่ที่การตัดสินของศาล ซึ่งวันนัดเจรจาไกลเกลียครั้งต่อไป คือวันที่ 25 เมษายน 2565
รัศมีแขพูดถึงคดีของการทำร้ายร่างกาย เจ้าตัวยังยืนยันที่จะดำเนินคดีอย่างเต็มที่ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ถึงแม้ว่าหน้าของตนเองในตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว แต่ความรู้สึกข้างในใจของตนเองมันไม่สามารถรักษาได้
ทนายเจนพูดเสริมว่า ส่วนคดีอาญาการทำร้ายร่างกายที่ในการฟ้องที่แขวงพัทยา โดยมีการนัด ครั้งต่อไปเป็นนัดสอบคำให้การ ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 โดยตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนได้มีการสรุปสำนวนส่งให้กับทางอัยการแล้ว แต่ทางด้านผู้ต้องหาไม่มีการเดินทางไปแสดงตัวต่อหน้าอัยการ จึงได้มีการออกหมายจับ
.
.
.