
พระมหาฯเปรียญ 4 เมาแอ๋ ดื่มสุรา 2 ลังแล้วชิ่งหนีนอนโรงแรม
เมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 23.00 น.คืนวันที่ 14 ก.พ.65 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ไพบูลย์ เลาหะนะวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีได้รับแจ้งมีลูกค้ามากินอาหารและสุราไม่ยอมจ่ายเงิน ภายในร้านอาหารซุมแซว พื้นที่อำเภอสัตหีบ ก่อนจะออกจากร้านไปอยู่ภายในห้องพักโรงแรมบูรพารีสอร์ท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงได้เข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบชายดังกล่าวกำลังเปลี่ยนจากชุดเที่ยวเป็นนุ่งห่มจีวรในชุดพระสงฆ์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขอเข้าตรวจค้น ทราบชื่อในบัตรประชาชนพระมหาสมภพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ในสภาพเมาสุราโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยภายในห้องมีเบียร์ที่ดื่มแล้วจำนวน 2 ขวดจึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานก่อนที่เจ้าตัวจะรับสารภาพว่าดื่มเบียร์ภายในห้องพัก 2 ขวดและดื่มเหล้าแล้วไม่ยอมจ่ายเงินที่ร้านอาหารจริง ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนิมนต์พระครูปลัดวินัยธีรญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพประสาทเตาถ่าน มาทำการสึก ทราบว่าเป็นพระมหาเปรียญธรรม 4 ประโยค บวชเรียนมาแล้วกว่า 20 พรรษาแต่เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่าอยู่วัดไหน
ด้านนายสิทธิพร พัฒนารังคะ อายุ 28 ปี เจ้าของร้าน กล่าวว่า พระสงฆ์รูปนี้ได้แต่งกายชุดท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาเที่ยว ก่อนจะสั่งเบียร์รวม 2 ลัง และอาหารอีกจนถึงเวลาร้านปิดบริการ 23.00 น.พนักงานได้ไปแจ้งค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมเป็นเงิน 3,025 บาท แต่กลับไม่มีเงินจ่าย ก่อนจะขอไปเอาเงินที่ห้องพักจึงได้ตามไปเอาเงินเมื่อถึงห้องก็ล็อกประตูไม่ให้ใครเข้า ก่อนจะรีบเปลี่ยนชุดไปนุ่งห่มจีวร พร้อมกับปฎิเสธว่าไม่ได้ไปนั่งดื่มที่ร้าน ตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ เบื้องต้นไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีค่าอาหารแต่อย่างใด เมื่อเขาสึกแล้วก็ปล่อยไป
ด้านพระครูปลัดวินัยธีรญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพประสาทเตาถ่าน เปิดเผยว่าได้รับการประสานว่ามีพระไปนั่งทานอาหารแล้วไม่มีเงินจ่ายในขณะไปถึงที่ร้านได้ใส่ชุดของฆราวาสทั่วไปแล้วให้เด็กที่ร้านตามไปเอาเงินที่ห้องพัก ก่อนจะไปห่มจีวร ก่อนจะเดินไปยัง สภ.สัตหีบก็พบพระรูปดังกล่าวนั่งอยู่ในอาการมึนเมา ก่อนจะสอบถามว่าได้ไปดื่มสุราจริงหรือเปล่าก็ได้ให้การปฎิเสธ ก่อนจะเปิดคลิปวีดีโอให้ดู สุดท้ายก็ยอมรับสารภาพและยอมลาสิขาออกไป ก่อนจะยึดหนังสือสุทธิไว้ จึงอยากจะให้ญาติโยมเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่มีอะไรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ เดียวเจ้าหน้าที่ก็จะประสานมายังคณะสงฆ์เพื่อเดินทางไปตรวจสอบเพื่อลงโทษทางวินัย