“จีน่า เดอะเฟซ” งานเข้าถูก “สไตลิสต์ดัง” แฉยับพร้อมประกาศคว่ำบาตรหากไม่สำนึกไม่ร่วมงานอีก
โดยเรื่องราวถือว่าเผ็ดร้อนสุดๆ ซึ่ง “ฮิปโป” สไตลิสต์ชื่อดังได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ถึง 2 โพสต์ โพสต์แรกเขียนข้อความระบุว่า “เอาดีไซน์น้องสไตลิสต์ฉันไปตัดเองแต่ไม่จ้าง ไม่น่ารักนะ ผู้จัดการสั่งหรอ???? มาคุยกับกูหน่อยดิ้ #ศิษย์เก่าเดอะเฟส” จากนั้น 10 ชั่วโมงต่อมา ได้โพสต์อีก 1 โพสต์พร้อมภาพประกอบ คาดว่ามีการคุยกันแล้วจากโพสต์ก่อนหน้า โดยโพสต์นี้ระบุว่า “สรุปชีเป็นนางแบบ นักแสดงหรือมิจฉาชีพ?”
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “ฮิปโป” สไตลิสต์ชื่อดังได้ระบุไว้อย่างละเอียดว่า “จากการที่ได้คุยกับ @ginaa.24 สรุปใจความได้ ดังนี้ น้องไม่คิดว่าทีทำมันถูกต้อง แต่น้องก็ไม่คิดว่าผิด เพราะไอเดียเกินขึ้นจากน้อง 50% ต้นเรื่องของการอยากให้เป็นบอดี้สูทสีแดง (บรีฟลูกค้า) ซึ่งใช่จ้ะ ไอเดียหนูเป็นบอดี้สูทสีแดง แต่ทำไมสุดท้ายพอเปลี่ยนสไตลิสต์ไปแล้ว ชุดที่ตัดออกมาถึงตรงกับสเกตซ์ไฟนอลของสไตลิสต์คนเก่า? สรุปจะผิดยัง? หรือยังจะถูกต้อง?”
“ส่วนทางเราได้อธิบายอย่างชัดเจนว่า ทำไมเราต้องโมโหเรื่องนี้ทั้งๆที่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เพราะนี่คืออาชีพที่เราเติบโตมา เราขอเป็นตัวแทนพูดให้กับคนในวงการสไตลิสต์ทั้งหมด การให้เกียรติเพื่อนร่วมงานคือสิ่งสำคัญ และแจกแจงให้เขาฟังเป็นข้อๆว่าเขาผิดตรงไหน เขาผิดอย่างไร เรื่องค่าเสียหายให้ @ginaa.24 ไปจัดการกับคู่กรณีเอง เราไม่ขอรับรู้ แต่กับเราในฐานะตัวแทนของคนทำอาชีพสไตลิสต์ เราขอเพียงแค่ “ออกมารับผิดชอบขอโทษ และจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” ในพื้นที่สื่อที่ตัวเองมี มันคงไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไร และเราไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปและเกิดขึ้นซ้ำๆได้ในอนาคตอีก”
ทีมงานฝ่ายอื่นๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ช่างหน้า ช่างผม หรือแม้กระทั้งคนที่ผลิตชุดขึ้น (ที่ทางฝั่งจีน่า บอกว่าเป็นสไตลิสต์คนใหม่) แค่อยากให้ทราบว่า ผลงานที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความถูกต้อง ฮิปโปไม่ได้บังคับว่าต้องลบโพสต์ แต่การที่รูปเหล่านี้ยังคงอยู่ นั่นหมายความว่า คุณกำลังสนับสนุนการกระทำผิด และก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำๆได้ในวงการแฟชั่น/บันเทิง”
“ขอประกาศตรงนี้เลยว่า หากน้องทำในสิ่งที่ฮิปโปต้องการไม่ได้ จะไม่ขอร่วมงานร่วมงานใดๆ และตัดความสัมพันธ์ทุกกรณีกับ @ginaa.24 และผู้ให้การสนับสนุนทั้งหมด รวมถึงผจก.และนักแสดงท่านอื่นที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เพราะเราไม่สามารถยอมรับการกระทำในคราบมิจฉาชีพแบบนี้ได้”
