“ชาคริต แย้มนาม” เข้าแจ้งความเอาผิด เฟซบุ๊กเพจปลอม หลอกขายทุเรียน เสียหายนับล้าน!
บอกเลยว่าขายดิบขายดีมากๆจ้า สำหรับผลผลิตทุเรียนจากสวนของนักแสดงหนุ่ม ชาคริต แย้มนาม ที่ทำกับภรรยา และเนื่องจากขายดีมากๆก็ตกเป็นเป้าของกลุ่ม มิจฉาชีพ ปลอมเฟซบุ๊ก หลอกขายทุเรียน งานนี้ทำเอาหนุ่ม ชาคริต อยู่เฉยไม่ได้ ต้องเข้า แจ้งความ
โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ชาคริต ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. ที่ ศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และ แจ้งเอาผิดผู้นำรูปภาพไปแอบอ้างเปิดเพจเฟซบุ๊กหลอกขายทุเรียน โดยไม่ได้รับอนุญาต จนมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกเงินเป็นจำนวนมาก โดยนำหลักฐานมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ชาคริต เผยว่า “ที่มาในวันนี้เนื่องจากมีกลุ่มมิจฉาชีพนำรูปภาพหรือคลิปวิดีโอครอบครัวของผม ไปใช้แอบอ้างเปิดเพจเฟซบุ๊ก จนมีผู้หลงเชื่อคิดว่าเป็นเพจของผมจริงๆ ก่อนจะโพสต์ประกาศขายทุเรียนราคาถูก ลูกละ 100 บาท เพื่อหลอกเงินจากผู้สั่งซื้อ โดยไม่มีการส่งของ ก่อนจะปิดเพจทิ้งแล้วเปิดเพจขึ้นมาใหม่เพื่อหลอกเหยื่อรายอื่นต่อ จากการตรวจสอบพบมีกว่า 100 เพจ ที่ผ่านมาพบเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สูญเงินรวมกว่า 50-60 ล้านบาท อีกทั้งบัญชีธนาคารที่กลุ่มมิจฉาชีพนี้ใช้ก็เป็นบัญชีม้า
ยืนยันว่า เพจจริงๆของเรามีเพียง เพจ “บักโพธิ์ แย้มนาม” และ “เขยจันท์” เพียงเท่านั้น และอยากชี้แจงให้ทราบว่า ทางเราไม่มีการขายของผ่านทางเพจแต่อย่างใด มีเพียงการขายผ่านไลน์แอด “เขยจันท์” ช่องทางเดียวเพียงเท่านั้น และ บัญชีธนาคารที่ใช้ก็เป็นบัญชีธนาคารในนามบริษัท ไม่ใช่บัญชีส่วนบุคคล
อยากให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อถูกหลอก ออกมาแจ้งความหรือให้ข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้อยากบอกว่า ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เราไม่เคยนิ่งเฉย ตามเรื่องมาสักระยะ เพียงแต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่อย่างนั้นตำรวจจะทำงานยาก ทั้งนี้อยากขอขอบคุณทางตำรวจที่ช่วยสืบสวนติดตามเรื่อง และอยากขอให้ช่วยติดตามจับกุมตัวมิจฉาชีพกลุ่มนี้ให้ได้โดยไว เพราะสร้างความเสียหายให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก แม้ยอดแต่ละคนจะน้อยแต่เมื่อรวมกันแล้วมหาศาลมาก”
อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กล่าวว่า “ขณะนี้มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้โอนเงินเข้าแจ้งความแล้วกว่า 10 ราย ยืนยันว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่นิ่งนอนใจ เร่งสืบสวนสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด จนพอทราบตัวกลุ่มผู้กระทำผิดบ้างแล้ว ทั้งยังเชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ”
