วานนี้ (20 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ โดยผู้ร่วมประชุม ประกอบด้วย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงคลัง นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นายดนุชา พิทยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ โดยที่ประชุมห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เนื่องจากเป็นวาระลับ
ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เห็นชอบให้มีการทบทวนกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากเดิมที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกิน 60% เป็นต้องไม่เกิน 70% เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล และไม่เป็นอุปสรรคหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อดำเนินนโยบายการคลังในระยะปานกลาง โดยยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งการทบทวนกรอบสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะในครั้งนี้ เป็นไปตามความในมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้มีการทบทวนสัดส่วนต่างๆ อย่างน้อยทุก 3 ปี
ทั้งนี้การประชุมเพื่อขยายเพดานหนี้สาธารณะในครั้งนี้ ได้ถูกเลื่อนมาจากกำหนดการเดิมเมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 เพราะรัฐบาลตั้งใจพิจารณาเรื่องนี้ภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 31 ส.ค.-4 ก.ย.เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ เมื่อมีมติแล้วคณะกรรมการชุดนี้สามารถประกาศการขยายเพดานหนี้สาธารณะได้เลย และรายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบภายหลังได้ สำหรับการพิจารณาครั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า ขณะนี้พื้นที่การคลัง (Fiscal Space) ของประเทศมีเหลืออยู่จำกัดมาก หลังจากรัฐบาลได้กู้เงินตามพระราชกำหนดให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม (พ.ร.ก.กู้เงินโควิดฯ) รวม 2 ฉบับ วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท หากไม่ขยายเพดานเป็น 70% ต่อจีดีพี โครงการที่รอการลงทุนอยู่ทั้งของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจจะดำเนินการได้ลำบาก
นอกจากนี้ ที่ประชุมย้ำว่า การขยายเพดานเป็น 70% เป็นไปเพื่อรองรับการดำเนินนโยบายการคลังระยะปานกลาง ไม่ได้หมายความว่า เมื่อประกาศขยายเพดานแล้ว รัฐบาลจะกู้เงินทันที เพราะในระยะสั้นยังมีเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงินโควิดฯ 500,000 ล้านบาทมาใช้ในการกระตุ้นและประคองเศรษฐกิจไปได้อยู่ แต่เหตุที่ต้องขยายไว้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ในกรณีมีสถานการณ์ที่จำเป็น
เรื่องที่เกี่ยวข้อง