“ปุ๊กลุก” ลดสถานะ “ไมค์” ขอเป็นเพื่อนที่ให้กำลังใจกันไปตลอดโดยที่ไม่ต้องพยายาม
.
เปิดใจครั้งแรก! ในรายการ WOODY SHOW สำหรับนางเอกสาว “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” หลังจากไม่รับงานในวงการบันเทิงตลอด 2 เดือน พร้อมประกาศขอลดสถานะความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม “ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี” เหลือเพียงแค่ความเป็นเพื่อน
ในตอนนี้สถานะระหว่าง ไมค์ และ ปุ๊กลุก เปลี่ยนไป? “คือมันเป็นความรู้สึกของเราเอง ที่ผ่านมารู้สึกว่ารู้จักกับไมค์มา 5-6 ปี ตั้งแต่วันที่เราสดใสร่าเริง ไม่มีคอนดิชั่นเกี่ยวกับคุณแม่เลย รู้สึกว่าตัวเราเองไม่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต หรือว่าภาวะอารมณ์ บางทีเราก็ไม่ว่าใครจะพูดอะไรที่มันขำแค่ไหนเราก็เหมือนไม่ได้ยิน คิดเรื่องอื่น เหมือนกำลังกังวลมีหลายความรู้สึกมากๆ ใน 1 วัน ตั้งแต่คุณแม่ล้ม”
“ทีนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นคือเวลาที่คุยกับไมค์หรือเจอ ก็จะรู้สึกว่าเหมือนเราดึงเขาเข้ามาอยู่ในภาวะนี้เสมอ เพราะว่าตัวเราก็ไปภาวะอื่นไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรที่พยายามให้เรามีความสุข บางทีก็รู้สึกว่าเราไม่ได้อยากฟัง มันเป็นความผิดของเราเอง เลยมีความรู้สึกว่าไม่อยากให้เขามาอยู่ในภาวะที่ต้องทุกข์แบบเดียวกับเรา เลยคิดว่าเราถอยดีมั้ย เป็นเพื่อนที่ให้กำลังใจกันไปตลอดโดยที่ไม่ต้องพยายาม เขาก็ไม่ต้องพยายามทำอะไรให้เราอีกแล้ว”
“คือเขาก็ทุกข์ใจนะคะกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันที่แม่ล้มคือไมค์ขับรถมาถึงที่โรงพยาบาลคือใช้เวลาเร็วมากๆ เลย เห็นถึงความรักที่เขามีให้กับครอบครัวเรา แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเขาที่เรายิ้มไม่ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถยิ้มได้เพราะว่าเราก็ยิ้มไม่ได้ คิดว่าการที่เรามีสเตตัสที่มันเว้นระยะสักนิดนึง เขาก็จะได้มีความสุขในแบบที่เขาควรจะเป็น”
การเว้นระยะหมายถึงว่าเขาสามารถไปดูใจคนอื่นได้ด้วยเหรอหรือว่าแค่พัก? “มันก็นานนะคะกับการที่เราไม่สามารถหัวเราะได้เลยตลอด 2 เดือน ทุกครั้งที่มีการสนทนากันก็รู้สึกว่าเราเอาเปรียบความสุขเขา เราไม่สามารถให้ความสุขเขาได้เหมือนเดิม ไม่สามารถหัวเราะได้ในเรื่องที่เขาหัวเราะ ต่อให้เขาจะหัวเราะหนูก็จะไม่หัวเราะ”
“รู้สึกสงสารเขา มันไม่เหมือนเดิมจริงๆ ค่ะ แต่เราก็ยังมีเขาเป็นเพื่อนไง ที่รับฟังทุกเรื่อง เขาจะเป็นคนที่รู้อาการแม่ตลอด จะเป็นเพื่อนที่ไลน์มาทุกเช้าว่าแม่เป็นไงบ้างวันนี้หมอว่ายังไง”
ตอนที่เราบอกว่าขออนุญาตปรับสถานะ ไมค์โอเคเหรอ? “คือเหมือนเขาอยู่ในภาวะที่อะไรก็ได้สำหรับเรา แล้วแต่ที่ปุ๊กสบายใจ แต่เขาก็จะยืนอยู่ที่เดิม ที่เคยยืน เป็น Just สถานะ แต่แบบเราหันไปกี่ครั้งก็มั่นใจว่าจะเห็นเพื่อนคนนี้ ไม่เคยปล่อยมือเราเลยแม้แต่วินาทีเดียว”
“แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเราเป็นแฟนคือตอนนี้เราไม่พร้อมเสียใครเลย! ไม่อยากทะเลาะ คือจิตใจเราไม่ได้พร้อมที่จะปรับความเข้าใจในเรื่องอะไรเลยคือมันแย่มากอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าถ้าเป็นเพื่อนก็จะเป็นฟีลแบบจับมือกันไป โดยที่ไม่ต้อง จะมาหามั้ย ทำไมไม่โทรมา หรืออะไรแบบนี้ ให้เป็นแบบสบายๆ ไป”
“แต่ว่าก็มั่นใจว่าเรื่องดูใจหรืออะไรแบบนี้ก็คงเป็นเวลาที่เขาคงเห็นว่ามันเหมาะสม หรือตัวเขาเองก็อาจจะรับคอนดิชั่นชีวิตเราไม่ไหว เพราะทุกวันนี้ก็มีคุยกับไมค์ว่าหลังจากนี้ เราเคยแพลนไว้ว่าเดี๋ยวจะมีทริปกันไปเที่ยวต่างประเทศกันกับกลุ่มเพื่อน เพราะคิดถึงการไปเที่ยวต่างประเทศมากเลย”
“เราบอกไมค์ว่าทุกโครงการมันจะถูกพับหมดเลยถ้าไม่มีแม่ไปด้วย และถ้าแม่ยังเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกว่าชีวิตเราถ้ายังเป็นคนที่สนิทกันมากๆ เหมือนแต่ก่อน เราไปผูกเขาไว้กับสิ่งที่มันเป็นคอนดิชั่นใหม่ขึ้นมา แล้วรวมถึงแต่ก่อนเราอาจจะไปกินข้าวนอกบ้านได้ แต่ถ้าวันหนึ่งแม่กลับมาอยู่ที่บ้านก็คงไม่มีกะใจออกไปกินข้าวนอกบ้าน”
“ตราบใดที่แม่ยังต้องใช้การช่วยเหลือเยอะแยะมากมายแบบนี้อยู่ การที่มีสเตตัสแบบนี้ก็อาจจะทำให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องทุกข์ไปกับเรา 100% ไปเสียเวลาชีวิตเขาด้วย”